"Jim Simons" เจ้าของเฮดจ์ฟันด์ที่รวยที่สุดในโลก
จิม ไซมอนส์ คือเจ้าของ Renaisance Technologies เฮดจ์ฟันด์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกในปัจจุบัน (เฉพาะ Equity) (สินทรัพย์ $35 billions)
กองทุน Medallion ที่ ไซมอนส์บริหารเป็นเฮ็ดจ์ฟันด์จำพวก Quantitative กล่าวคือ อาศัยโมเดลทางคณิตศาสตร์ในการเทรดล้วนๆ แทนที่จะอาศัยการวิเคราะห์ข่าวหรือปัจจัยพื้นฐาน ทุกอย่างจะถูกควบคุมโดยคอมพิวเตอร์ ซึ่งพยายามค้นหาช่องว่างในการทำกำไรจากหลักทรัพย์อะไรก็ได้ที่หาได้จากทุก ตลาดที่มี correlation ที่ต่างกัน โดยโมเดลและธุรกรรมทั้งหมดจะถูกปกปิดเป็นความลับสุดยอด เพื่อป้องกันมิให้มีคนเลียนแบบ (ซึ่งจะทำให้โอกาสในการทำกำไรหายไป)
ผลตอบแทนเฉลี่ยในรอบ 20 ปีที่ผ่านมาของกองทุนคือ 38.5% ต่อปี แต่เดิม Simons รับจ้างบริหารเงินให้กับคนอื่น (ค่าบริหาร 5% ต่อปี บวก profit-sharing 36% ของกำไร) แต่ได้ปิดรับเงินใหม่ไปตั้งแต่ปี 1993 และสามารถทยอยคืนเงินลูกค้าเก่าจนหมดได้ในอีก 12 ปีต่อมา ปัจจุบัน สินทรัพย์ทั้งหมดของกองทุนจึงเป็นเงินของไซมอนส์ และทีมงานเองล้วนๆ ไปแล้ว ไซมอนส์ จบ ป.ตรี ด้านคณิตศาสตร์จาก MIT ที่นั่นเขามีความสุขมากกับไขปัญหาคณิตศาสตร์กับเพื่อนๆ อย่างจริงจังในช่วงกลางวัน และเป็นนักโป๊กเกอร์ตัวฉกาจในตอนกลางคืน หลังจากนั้นเขาก็ไปทำปริญญาเอกที่ Berkeley และแต่งงานกับภรรยาคนแรก เขาเอาเงินที่ได้จากงานแต่งงานไปลองเทรดอนุพันธ์ของถั่วเหลืองเป็นครั้งแรก และทำกำไรได้เป็นเท่าตัวภายในเวลาแค่ไม่กี่วัน ก่อนที่จะกลายเป็นขาดทุนในอีกแค่ไม่กี่สัปดาห์ต่อมา
หลังจากนั้น ไซมอนส์ เริ่มเบื่อวงการวิชาการ จึงได้ร่วมกับเพื่อนก่อตั้งเฮ็ดฟันด์ที่พยายามหากำไรในตลาดคอมโมและอัตราแลก เปลี่ยนขึ้นมาโดยใช้เงินเก็บที่ได้มาจากธุรกิจโรงงานราว $600k แต่ดูเหมือนการใช้โมเดลเทรดจะหากำไรได้ยากมาก ในขณะที่การอาศัยปัจจัยพื้นฐานกลับทำเงินได้มากกว่า สุดท้ายแล้วกองทุนจึงเปลี่ยนมาใช้ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก และสามารถทำกำไรได้ถึง 10 เท่าตัว ในช่วงเวลานี้ เขาได้แต่งงานอีกเป็นครั้งที่สองกับภรรยาคนปัจจุบัน
ไซมอนส์ ยังไม่ละความคิดเรื่องการใช้โมเดลคณิตศาสตร์ในการหากำไร เพราะสิ่งที่เขารักมากที่สุดคือคณิตศาสตร์ ในที่สุดก็ได้ก่อตั้ง Medallion Fund ขึ้นมาใหม่กับเพื่อนนักคณิตศาสตร์คนหนึ่งของเขา ซึ่งภายหลังเพื่อนของเขาได้เลิกลาไปเพราะเบื่อหน่ายโลกการเงินที่มีแต่การ หาเงิน เพราะยังไงเสียเพื่อนของเขาก็ยังชอบ pure math มากกว่า
ไซมอนส์ ยังคงบริหาร Medallion ต่อไป โดยปรับปรุงโมเดลให้ดีขึ้นเรื่อยๆ และปัจจุบันเขามีเพื่อนร่วมงานถึง 148 คน ซึ่งหนึ่งในสามจบปริญญาเอก ถือได้ว่า Simons เป็น QuantW ที่ประสบความสำเร็จสูงสุดในโลก และทำให้แนวทางนี้กลายมาเป็นแนวทางที่ทำกำไรได้มากที่สุดในตลาดในปัจจุบันด้วย
จิม ไซมอนส์ คือเจ้าของ Renaisance Technologies เฮดจ์ฟันด์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกในปัจจุบัน (เฉพาะ Equity) (สินทรัพย์ $35 billions)
กองทุน Medallion ที่ ไซมอนส์บริหารเป็นเฮ็ดจ์ฟันด์จำพวก Quantitative กล่าวคือ อาศัยโมเดลทางคณิตศาสตร์ในการเทรดล้วนๆ แทนที่จะอาศัยการวิเคราะห์ข่าวหรือปัจจัยพื้นฐาน ทุกอย่างจะถูกควบคุมโดยคอมพิวเตอร์ ซึ่งพยายามค้นหาช่องว่างในการทำกำไรจากหลักทรัพย์อะไรก็ได้ที่หาได้จากทุก ตลาดที่มี correlation ที่ต่างกัน โดยโมเดลและธุรกรรมทั้งหมดจะถูกปกปิดเป็นความลับสุดยอด เพื่อป้องกันมิให้มีคนเลียนแบบ (ซึ่งจะทำให้โอกาสในการทำกำไรหายไป)
ผลตอบแทนเฉลี่ยในรอบ 20 ปีที่ผ่านมาของกองทุนคือ 38.5% ต่อปี แต่เดิม Simons รับจ้างบริหารเงินให้กับคนอื่น (ค่าบริหาร 5% ต่อปี บวก profit-sharing 36% ของกำไร) แต่ได้ปิดรับเงินใหม่ไปตั้งแต่ปี 1993 และสามารถทยอยคืนเงินลูกค้าเก่าจนหมดได้ในอีก 12 ปีต่อมา ปัจจุบัน สินทรัพย์ทั้งหมดของกองทุนจึงเป็นเงินของไซมอนส์ และทีมงานเองล้วนๆ ไปแล้ว ไซมอนส์ จบ ป.ตรี ด้านคณิตศาสตร์จาก MIT ที่นั่นเขามีความสุขมากกับไขปัญหาคณิตศาสตร์กับเพื่อนๆ อย่างจริงจังในช่วงกลางวัน และเป็นนักโป๊กเกอร์ตัวฉกาจในตอนกลางคืน หลังจากนั้นเขาก็ไปทำปริญญาเอกที่ Berkeley และแต่งงานกับภรรยาคนแรก เขาเอาเงินที่ได้จากงานแต่งงานไปลองเทรดอนุพันธ์ของถั่วเหลืองเป็นครั้งแรก และทำกำไรได้เป็นเท่าตัวภายในเวลาแค่ไม่กี่วัน ก่อนที่จะกลายเป็นขาดทุนในอีกแค่ไม่กี่สัปดาห์ต่อมา
หลังจากนั้น ไซมอนส์ เริ่มเบื่อวงการวิชาการ จึงได้ร่วมกับเพื่อนก่อตั้งเฮ็ดฟันด์ที่พยายามหากำไรในตลาดคอมโมและอัตราแลก เปลี่ยนขึ้นมาโดยใช้เงินเก็บที่ได้มาจากธุรกิจโรงงานราว $600k แต่ดูเหมือนการใช้โมเดลเทรดจะหากำไรได้ยากมาก ในขณะที่การอาศัยปัจจัยพื้นฐานกลับทำเงินได้มากกว่า สุดท้ายแล้วกองทุนจึงเปลี่ยนมาใช้ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก และสามารถทำกำไรได้ถึง 10 เท่าตัว ในช่วงเวลานี้ เขาได้แต่งงานอีกเป็นครั้งที่สองกับภรรยาคนปัจจุบัน
ไซมอนส์ ยังไม่ละความคิดเรื่องการใช้โมเดลคณิตศาสตร์ในการหากำไร เพราะสิ่งที่เขารักมากที่สุดคือคณิตศาสตร์ ในที่สุดก็ได้ก่อตั้ง Medallion Fund ขึ้นมาใหม่กับเพื่อนนักคณิตศาสตร์คนหนึ่งของเขา ซึ่งภายหลังเพื่อนของเขาได้เลิกลาไปเพราะเบื่อหน่ายโลกการเงินที่มีแต่การ หาเงิน เพราะยังไงเสียเพื่อนของเขาก็ยังชอบ pure math มากกว่า
ไซมอนส์ ยังคงบริหาร Medallion ต่อไป โดยปรับปรุงโมเดลให้ดีขึ้นเรื่อยๆ และปัจจุบันเขามีเพื่อนร่วมงานถึง 148 คน ซึ่งหนึ่งในสามจบปริญญาเอก ถือได้ว่า Simons เป็น QuantW ที่ประสบความสำเร็จสูงสุดในโลก และทำให้แนวทางนี้กลายมาเป็นแนวทางที่ทำกำไรได้มากที่สุดในตลาดในปัจจุบันด้วย
0 comments:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น