MACD ย่อมาจาก Moving Average Convergence-Divergence พัฒนาโดย คุณ Gerald Appel
Momentum หมายถึง ความแข็งแกร่งของการเคลื่อนที่ของราคาในทิศทางนั้น เช่น เคลื่อนที่ขึ้น ก็จะขึ้นต่อไป (ไม่เปลี่ยนทิศทาง) = momentum แข็งแกร่ง แต่ถ้า เคลื่อนที่ขึ้นแล้วลง (มีการเปลี่ยนทิศทาง) = momentum
ไม่แข็งแกร่ง
การใช้งาน : บอกแนวโน้มราคาที่เกิดขึ้น, บอก Momentum ของราคาหุ้น, บอกจุดซื้อ-จุดขาย ทั้งระยะกลางและระยะสั้น แต่ไม่สามารถบอกภาวะซื้อมากเกินไป (Overbought) และ ภาวะขายมากเกินไป (Oversold) ได้
โดยปกติการคำนวณจะใช้ระยะเวลาของเส้น EMA ที่ 9 วันเป็นตัวประกอบ
ในเรื่องของราคาเราสามารถให้ MACD เป็นเหมือน "พลัง" นั้นหมายความว่าการที่ราคาจะขึ้นหรือลงจะต้องมี "Power" เสริม ถ้าราคาขึ้นหรือทำ New High แต่ไม่มี Power หรือแรงกำลังจะหมด ไม่สามารถบอกได้ว่าราคาจะขึ้นต่อ หรือในกรณีราคาลงแต่ "Power" เริ่มจะเพิ่มเราสามารถคาดเดาได้ว่าราคากำลังจะไม่ลงอีกต่อไปแล้ว
การกำหนดแนวโน้มเราจะใช้เส้นศูนย์เป็นตัวอ้างอิงคือ
ถ้า MACD อยู่ต่ำกว่าเส้นศูนย์หรือที่เราเรียกว่า MACD อยู่ใต้น้ำแสดงว่าหุ้นอยู่ในขาลง
ถ้า MACD อยู่สูงกว่าเส้นศูนย์หรือที่เราเรียกว่า MACD พ้นน้ำแสดงว่าหุ้นอยู่ในขาขึ้น
ถ้าหุ้นเป็นขาขึ้นก็ให้หาจังหวะเข้า แต่ถ้าหุ้นเป็นขาลงก็ให้ติดตามและรอจนสัญญาณการเข้ามาถึง...
การซื้อขายโดยใช้ Indicator สัญญาณ MACD ถูกนำมาใช้กันอย่างแพร่หลาย ถือว่าเป็นราชินีแห่ง Indicator
MACD เป็นพื้นฐานที่สำคัญมาก และจำเป็นมาก
MACD : 12, 26, 9
กรอบเวลาไหนก็ได้
กฎการเข้าซื้อ : เมื่อครอสโอเวอร์เส้น MACD 'ปรากฏขึ้น - คือเส้นสองเส้นตัดกัน ให้เข้าซื้อ
กฎการออกเมื่อ MACD ครอสโอเวอร์กันอีกครับขายออก
ข้อดี: วิธีนี้ง่ายมากและสามารถทำกำไรได้ดี นักเทรดอาจตั้งค่า MACD ใหม่ได้เป็นการดัดแปลงให้เหมาะกับคู่สกุลเงิน และกรอบเวลาที่เหมาะสม
ตัวอย่างสัญญาณ MACD ที่ตั้งค่าใหม่ เช่น :
USD / CHF MACD (04, 07, 16)
EUR / USD MACD (02, 03, 20)
GBP / USD MACD (02, 03, 04)
เราใช้สำหรับกรอบเวลาที่แตกต่างกัน ต้องทดสอบดูนะครับ
Download : MACD 2 Line
Download : MACD Coler
0 comments:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น